การจ่ายค่าเหนื่อยระดับ Supermax ของ NBA
นับว่าเป็นเรื่องปกติของวงการกีฬาสมัยใหม่ที่นักกีฬาที่สามารถทำผลงานได้ดีหรือประสบความสำเร็จในแง่ของรางวัลต่างๆมักจะได้รับค่าเหนื่อยตอบแทนที่มหาศาลมากกว่านักกีฬาหลายอื่นๆ โดยเฉพาะ นักกีฬาบาสเกตบอลของ NBA ที่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการใช้ความสำเร็จของนักกีฬาแลกกับสัญญามหาศาล
สำหรับแฟนๆกีฬา NBA ขาประจำคงจะคุ้นเคยกับคำเรียกสัญญาประเภทต่างๆที่มอบให้กับนักกีฬา ซึ่งในแต่ละประเภทก็จะมีมูลค่าค่าตอบแทนที่แตกต่างกันออกไป และสัญญาที่มีมูลค่ามากที่สุดอย่าง Supermax ก็เป็นความหวังสูงสุดของนักกีฬาทั่วไปที่ต้องการไขว้คว้าแต่การจะได้มานั้น จะต้องมีดีกรีติดตัวมากมายพอสมควรให้สมกับค่าเหนื่อยที่เหนือกว่าคนอื่น
ซึ่ง Supermax กำหนดว่า 1. ผู้เล่นจะต้องติดทีม All Star NBA ประจำฤดูกาลล่าสุดก่อนต่อสัญญา หรือ 2 จาก3ครั้งหลังสุดก่อนต่อสัญญา
2. จะต้องได้รับเลือกเป็น Defensive Player of the year ประจำฤดูกาลล่าสุดก่อนต่อสัญญา หรือ 2 จาก3ครั้งหลังสุดก่อนต่อสัญญา
และสุดท้าย ต้องได้รับรางวัล ผู้เล่นทรงคุณค่าหรือMVP อย่างน้อยหนึ่งฤดูกาลจาก3ปีหลังสุด ซึ่งด้วยคุณสมบัติแสนหินนี้ทำให้มีผู้เล่นน้อยคนที่จะได้สัมผัสสัญญาฉบับนี้
ซึ่งผู้เล่นคนล่าสุดที่มีโอกาสสูงและใกล้เคียงที่สุดที่จะได้รับสัญญา Supermax นี้คือ Zach LaVine จาก Chicago Bulls ที่ขาดคุณสมบัติเดียวคือการติดทีม All-NBA Team หลังจากที่คู่แข่งคนสำคัญในตำแหน่งเดียวกันอย่าง Kyrie Irving มีปัญหานอกสนามไม่สามารถลงเล่นได้ทำให้ Zach LaVine กลายเป็นผู้เล่นที่อาจจะได้รับค่าเหนื่อนมหาศาลทันที แต่ก็ต้องลุ้นกันอีกทีว่า Chicago Bulls จะสามารถจ่ายค่าเหนื่อยในเรทนี้ไหวหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องจำใจปล่อยสตาร์คนสำคัญออกจากทีมไปอย่างน่าเสียดาย