Racism กับวงการ NBA
การ Racism คือการเหยียดสีผิวโดยเอาเชื้อชาติมาเป็นตัวกลาง ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากในปัจจุบัน เพราะจัดได้ว่าเป็นการไม่เคารพซึ่งกันและกันบนพื้นฐานความเป็นมนุษย์ ซึ่งเราแทบจะไม่เห็นการเหยียดสีผิวเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการถูกปลูกฝังค่านิยมผิด ๆ ยังไม่ถูกกำจัดออกไปหมดจากสังคมอเมริกา ย้อนไปในปี 2019 มีเหตุการณ์ที่ทำให้โลกต้องหันความสนใจก็คือเหตุการณ์ Black Lives Matter ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชายผิวดำชาวอเมริกาถูกกระทำเกินกว่าเหตุโดยตำรวจผิวขาว สิ่งนี้กลายเป็นชนวนจุกไฟให้ทั่วโลกให้ความสนใจกับคำว่า Racism ซักที
การเกิดเหตุการณ์ Black Lives Matter ขึ้น เป็นธรรมดาที่เหล่านักยัดห่วง NBA ออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกว่า 80% ของสมาคมเป็นคนผิวดำ การโดนกระทำดังกล่าวกลายเป็นแรงกดทับแผลเก่าในอดีตที่ไม่มีวันหายไปจากใจของพวกเขา การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เกิดขึ้นเมื่อมีผู้เข้าแข่งขันหลายคนติดแฮชแท็กบนแพลตฟอร์มดังอย่างทวิตเตอร์ว่า #Blacklivesmatter ทั้งนี้ไม่เพียงแต่คนดัง นักกีฬาในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่คนดังทั่วโลกก็ร่วมจุดกระแสนี้ด้วย
การแข่งขันล่าสุดของ NBA นักกีฬาจากทีมนิวออร์ลีนส์ เพลิแกนส์ และยูทาห์ แจ๊ซซ์ ร่วมกันคุกเข่าแสดงถึงการไว้อาลัยให้กับจอร์จ ฟลอยด์ ชายผู้น่าเศร้าที่ต้องจากโลกนี้ไปด้วยการ Racism ในช่วงของการบรรเลงเพลงชาติอเมริกาทุกคนในฮอลก็พร้อมใจกันคุกเข่า โดยการแข่งขันของวันนั้นนักกีฬาบาสทุกคนสวมเสื้อที่มีคำว่า “Black Lives Matter” และมีการแสดงถึงความเท่าเทียมกันโดยสกรีนข้อความ “Equality, I’m a man, Ally, Say her name” แทนชื่อของพวกเขาเอง เพื่อสื่อให้ทั้งโลกเห็นว่าความเท่าเทียมคือเรื่องที่มนุษย์ทุกคนควรตระหนักถึง นอกจากวงการ NBA แล้ว วงการอื่น ๆ ก็ออกมาคอลเอ้าท์ไม่แพ้กัน นักบาสเกตบอลหญิงแห่ง WNBA ก็ออกมาร่วมอุทิศตนให้กับ บรีออนา เทย์เลอร์ เหยื่อเด็กผู้หญิงอีกคนที่ต้องจากโลกนี้โดยไม่มีวันกลับมา ในทางฝั่งกีฬาเบสบอล MLB ก็ไม่น้อยหน้า มีการคุกเข่าเพื่อไว้อาลัยให้กับเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดให้เห็นว่าสังคมในปัจจุบันไม่ได้เพิกเฉยการต่อความรุนแรงที่มีต่อเชื้อชาติและสีผิว
นอกจากนี้ด้านโดนัลล์ ทรัมป์ก็ออกมาพูดว่าจะไม่มีนิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน จะต้องมีการตรวจสอบและสืบสวนหาข้อเท็จจริง การกระทำของตำรวจผิวขาวในครั้งนี้สร้างความเสียหายด้านภาพลักษณ์ของอเมริกาเป็นอย่างมาก เนื่องจากอเมริกาคือ land of freedom ดูเหมือนว่าในทางปฏิบัติจะย้อนแย้ง และชวนให้คนผิวดำหันมาตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของชีวิตพวกเขาเอง